ทำไม UPS สำรองไฟถึงสำคัญและควรเลือกยังไง?

ทำไม UPS สำรองไฟถึงสำคัญและควรเลือกยังไง?

ในยุคที่เทคโนโลยีและข้อมูลเป็นหัวใจหลักของทั้งชีวิตประจำวันและธุรกิจ การรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์และข้อมูลของเรานั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก การใช้ UPS (Uninterruptible Power Supply) หรือเครื่องสำรองไฟ เป็นวิธีที่ดีในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการขัดข้องของไฟฟ้าและรักษาความต่อเนื่องในการทำงานของคุณ

UPS คืออะไร?

UPS คืออุปกรณ์ที่ทำหน้าที่สำรองไฟฟ้าเมื่อเกิดไฟฟ้าดับหรือปัญหาเกี่ยวกับแหล่งจ่ายไฟ เพื่อให้คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการสูญเสียข้อมูลหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการขัดข้องของไฟฟ้า

ทำไมการเลือก UPS ถึงสำคัญ?

1. ป้องกันการสูญเสียข้อมูล: หากไฟฟ้าดับหรือมีปัญหาเกี่ยวกับไฟฟ้า UPS จะช่วยให้คุณมีเวลาในการบันทึกข้อมูลและปิดเครื่องอย่างปลอดภัย ช่วยลดความเสี่ยงจากการสูญเสียข้อมูลสำคัญ

2. ป้องกันความเสียหายของอุปกรณ์: UPS ยังช่วยกรองปัญหาที่เกี่ยวกับไฟฟ้า เช่น การกระชากไฟฟ้าหรือแรงดันไฟฟ้าที่ไม่สม่ำเสมอ ทำให้อุปกรณ์ของคุณปลอดภัยจากความเสียหาย

3. เพิ่มความเชื่อมั่น: สำหรับธุรกิจที่พึ่งพาเทคโนโลยี UPS ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าการดำเนินงานจะไม่หยุดชะงักจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

เลือก UPS ยังไงดี?

1. กำลังไฟฟ้าที่ต้องการ: คำนวณกำลังไฟฟ้าที่อุปกรณ์ของคุณต้องการ เพื่อเลือก UPS ที่มีกำลังไฟฟ้าตรงตามที่คุณต้องการ ไม่มากเกินไปและไม่ต่ำเกินไป

2. ระยะเวลาสำรองไฟ: ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณว่าต้องการให้ UPS สำรองไฟนานแค่ไหนยิ่งนานมากมูลค่า UPS ก็จะสูงมากขึ้น (แนะนำให้คุณเลือก UPS สำรองให้นานเพียงพอในการบันทึกข้อมูลและปิดเครื่อง 10-15 นาที

3. ประเภทของ UPS: มี UPS หลายประเภท ปัจจุบันจะมี เช่น Line-Interactive และ True Online ซึ่งแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและการใช้งานที่ต่างกัน เลือกประเภทที่ตรงกับความต้องการของคุณ

4. การบำรุงรักษา: ตรวจสอบและบำรุงรักษา UPS อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มันทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและพร้อมใช้งานเมื่อคุณต้องการ

ประเภทของ UPS: เลือกให้ตรงกับความต้องการของคุณ

หลายๆ คนที่กำลังมองหา UPS (Uninterruptible Power Supply) หรือระบบสำรองไฟอาจมีคำถามว่าเครื่องสำรองไฟฟ้ามีกี่แบบ และแต่ละประเภทมีความเหมาะสมกับการใช้งานอย่างไร การเลือก UPS ที่ตรงกับความต้องการของคุณเป็นเรื่องสำคัญ เพราะแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน ซึ่งเรามีข้อมูลเกี่ยวกับ 3 ประเภทหลักของ UPS ที่ควรรู้:

1. UPS ชนิด Standard (Offline UPS) (ปัจจุบันไม่มีจำหน่ายแล้ว)

UPS ชนิด Standard หรือ Offline UPS คือ UPS พื้นฐานที่มีการทำงานที่ไม่ซับซ้อน มีการใช้ตัวสับเปลี่ยน (Transfer Switch) เพื่อเปลี่ยนแหล่งจ่ายไฟจากแหล่งหลักไปยังแหล่งสำรอง (แบตเตอรี่) เมื่อไฟฟ้าหลักมีปัญหา เช่น ไฟดับ

ข้อดี:

• ราคาถูกกว่ารุ่นอื่น
• ติดตั้งง่ายและไม่ยุ่งยาก
• ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ขนย้ายสะดวก

ข้อเสีย:

• ใช้งานได้เฉพาะกรณีไฟดับ ไม่สามารถป้องกันปัญหาไฟฟ้าอื่นๆ เช่น ไฟกระชาก
• อายุการใช้งานสั้นกว่า
• ไม่เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่มีความผันผวนของไฟฟ้าสูง

2. UPS ชนิด Line Interactive

UPS ชนิด Line Interactive คือ UPS ที่ได้รับการพัฒนามาเพื่อลดข้อเสียของ UPS แบบ Offline โดยมีระบบปรับแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติ (Stabilizer) ซึ่งช่วยรักษาระดับแรงดันไฟฟ้าและลดการเกิดไฟกระชาก

ข้อดี:

• ราคาปานกลาง ใช้งานได้หลากหลายพื้นที่
• ขนาดกะทัดรัด ขนย้ายสะดวก
• อายุการใช้งานยาวนานกว่า Offline UPS

ข้อเสีย:

• ไม่เหมาะกับอุปกรณ์ที่ไวต่อคุณภาพไฟฟ้า
• ไม่สามารถแก้ปัญหาความถี่ไฟฟ้าเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงระดับแรงดันไฟฟ้าได้

3. UPS ชนิด True Online (Double Conversion)

UPS ชนิด True Online หรือ Double Conversion UPS คือ UPS ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะมันทำการแปลงกระแสไฟฟ้าตลอดเวลาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับไฟฟ้าหลัก ทำให้ไฟฟ้าที่ส่งถึงอุปกรณ์มีความเสถียรสูง

ข้อดี:

• สามารถป้องกันปัญหากระแสไฟฟ้าทุกกรณี
• มีหลายขนาดให้เลือก
• สามารถตรวจสอบการทำงานโดยไม่ต้องปิดอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ

ข้อเสีย:

• ราคาสูง
• ระบบซับซ้อน ติดตั้งยาก
• ขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก

ความสำคัญของการมี UPS

แม้บางคนอาจมองว่า UPS เป็นเพียงสิ่งที่ไม่จำเป็น เพราะปัญหาไฟดับหรือไฟตกเกิดขึ้นไม่บ่อย แต่จริงๆ แล้ว UPS มีความสำคัญมาก:

• ปกป้องข้อมูลสำคัญ: ไฟดับกะทันหันอาจทำให้ข้อมูลที่ทำงานอยู่สูญหายได้
• ลดความเสียหายของอุปกรณ์: ปัญหาไฟกระชากหรือไฟตกอาจทำให้ฮาร์ดแวร์ของคุณเสียหาย
• เพิ่มความมั่นคงในการทำงาน: ช่วยให้ระบบของคุณทำงานได้อย่างต่อเนื่องไม่สะดุด

ข้อควรรู้ในการใช้ UPS

1. การเลือกซื้อ:

   • ควรเลือก UPS ที่ได้มาตรฐานจากหน่วยงานรับรอง เช่น มอก. หรือ ISO
   • เลือกรุ่นที่มีกำลังไฟสูงกว่าอุปกรณ์ที่ใช้ประมาณ 20%
   • เลือก UPS ที่เหมาะกับลักษณะการใช้งานของคุณ

2. การติดตั้ง:

   • ตรวจสอบสายไฟให้เรียบร้อยก่อนการเชื่อมต่อ
   • เชื่อมต่อสายไฟกับช่อง OUTPUT ของ UPS และเปิดเครื่อง UPS ก่อน

3. การดูแลรักษา:

   • ทำความสะอาด UPS อย่างสม่ำเสมอ
   • ตรวจสอบแบตเตอรี่และสถานะการทำงาน

4. ข้อควรระวัง:

   • หลีกเลี่ยงการใช้งานเกินกำลัง
   • วาง UPS ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทและไม่ใกล้แหล่งความร้อน

การเลือกและใช้งาน UPS ที่เหมาะสมสามารถช่วยปกป้องอุปกรณ์และข้อมูลสำคัญของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือก UPS ที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ ติดต่อ LINE : @SECPOWER เพื่อรับคำแนะนำและโซลูชั่นที่ดีที่สุด!